เรื่องสั้น…รักพลิกล็อค / รินษรา บทที่…4

ต่อจากตอนที่แล้ว)


“อร่อยจังเลยครับ ฝีมือคุณแม่นี่ ผมว่าเปิดร้านอาหารได้สบายๆ เลยนะ”

หลังทานข้าวได้ไม่เพียงกี่คำหรอกที่เขาจะเอื้อนเอ่ยประโยคนั้นออกมา หูตาแดงๆ เพราะความเผ็ดของรสชาติแกงนั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้หญิงสาวแอบเผลอยิ้มกับแม่ไม่ได้อยู่ดี นึกถึงจอร์ทขึ้นมาซะงั้น ถ้าเป็นรายนั้นล่ะก็ กับข้าวต้องจืดสนิทอย่างเดียว ด้วยความที่เป็นลูกฝรั่งนี่ล่ะ แถมเขาไม่โปรดปรานอาหารไทยอีกต่างหากด้วยสิ

“ไม่ต้องมายอคนแก่เลยคุณชานนท์”

“ไม่ได้ยอนะครับ ผมพูดจริงต่างหาก ถึงแม้ว่าจะเผ็ดไปนิดก็เถอะ”

“ถ้าเผ็ดแบบนี้ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ มาให้คุณดื่มแก้เผ็ดดีกว่าค่ะ แม่ทำแช่เย็นไว้เป็นเหยือกเลย ว่าแต่ คุณกินเป็นมั้ยคะ”

“ผมบอกแล้วไงคุณแวว ผมก็เด็กบ้านทุ่งมาก่อนนะครับ”

“โอ.เค.ค่ะ งั้นรอสักครู่นะคะ”

หญิงสาวขยับลุกขึ้นไปไม่นานก็กลับมาพร้อมด้วยแก้วน้ำกระเจี๊ยบ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ นั่น ให้คนรับมาดื่มแล้วยิ้มได้

“ชื่นใจจริงๆ ขอบคุณนะครับแวว ขอบคุณนะครับคุณแม่  สำหรับอาหารมื้ออร่อยๆ แบบนี้  สงสัยว่า ผมคงต้องแวะมาฝากท้องบ่อยๆ ซะแล้ว ใกล้ออฟฟิศแบบนี้ด้วย”

“ด้วยความยินดีเลยค่ะ  สำหรับคุณนนท์ แม่ยินดีต้อนรับเสมอ”

“ขอบคุณครับคุณแม่”

อีกครั้งที่เขายกมือไหว้ขอบคุณ แม้จะยังไม่วายใช้มือโบกไล่ความเผ็ดให้กับตัวเองนั่น ขณะที่หญิงสาวถึงกับส่ายหน้า

“นี่คุณ ถ้าเผ็ดมากขนาดนั้น ไปนั่งอ้าปากใส่พัดลมที่โซฟานั่นก่อนดีกว่าค่ะ ฉันขอช่วยแม่เก็บโต๊ะอาหารก่อน”

“ได้ครับได้”

ชายหนุ่มขยับตัวไปนั่งที่โซฟา แล้วเปิดพัดลม ใส่หน้าตัวเองหน้าตาเฉย ทั้งที่แท้จริงแล้ว หญิงสาวประชดประชันเขาแท้ๆ เชียว

“อ้อ แวว จะเอาผ้าเช็ดหน้าไปเลยมั้ย นี่ไง ที่แม่ว่า”

หลังเก็บโต๊ะเสร็จ แม่แทบหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมายื่นส่งให้

“สีฟ้าอ่อนๆ ลายดอกไม้ ไม่น่าจะใช้ของจอร์ทแล้วล่ะคะ เขาคงไม่พฤติกรรมเบี่ยงเบนขนาดนั้น แต่อาจเป็นของครอบครัวเขาทำหล่นเอาไว้ก็ได้ เอาไว้ แววเก็บไปถามจอร์ทก่อนดีกว่า”

พูดจบเธอก็หย่อนผ้าเช็ดหน้าลงไปในกระเป๋าสะพายนั่นอีกครั้ง

“จะเป็นการน่าเกลียดมั้ยครับเนี่ย ถ้าอิ่มแล้ว ผมจะรีบกลับออฟฟิศ เวลาผ่านไปเร็วจังนะครับ ใกล้บ่ายโมงแล้ว”

พอพูดถึงเวลาเท่านั้น หญิงสาวราวกับนึกได้ เธอรีบฉวยกระเป๋าสะพายขึ้นพาดบ่าเตรียม พร้อมอีกครั้ง

“จริงด้วยค่ะ คุณชานนท์ ฉันมีสอนบ่ายโมงครึ่งด้วยล่ะ”

“อ้าว เหรอครับ ไปๆ งั้นเรารีบไปกันเถอะ คุณแม่ครับ ผมขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

นอกจากคำขอบคุณชายหนุ่มยกมือไหว้เป็นการอำลาแม่ของเธอในเวลาต่อมานั่นด้วย ก่อนความรีบร้อนจะทำให้เขาลืมตัวเผลอฉุดรั้งข้อมือเล็กๆ ของเธอไปรวดเร็ว ให้แม่ได้แต่เฝ้ามองแล้วเผลอเลิกคิ้วสูง

เออนะ..สัมพันธภาพระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวสมัยนี้ มันช่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วทันใจปานกามนิตหนุ่มซะจริงๆ ทีเดียว !

……………………

หลังขึ้นรถมาเรียบร้อย…

และรถแล่นออกมาไม่ไกล หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบลิปสติกมาเติมริมฝี ปากที่ซีดจางลงไปหลังอาหารมื้อกลางวันนั่น โดยไม่วายขออนุญาตชายหนุ่มอย่างเกรงอกเกรงใจก่อน

“ขอโทษนะคะบอส ขอฉัน เอ้อ เติมปากหน่อยนะคะ”

“ตามสบายเลยคุณ ผมรู้หรอกว่าผู้หญิงเป็นแบบนี้ทุกราย”

“คุณคงเห็นแฟนคุณทำบ่อยๆ มั้งคะ”

ดูเอาเถอะ ราวกับโดนย้ำเตือนทีเดียว เพราะเขาแทบหลงลืมฝ้ายไปชั่วขณะหนึ่งซะแล้ว หากเพียงได้ยินหญิงสาวพูดถึงเขาก็แทบจะนึกขึ้นมาได้

“ผมเกือบลืมไปเลยนะ ว่าผมมีแฟนแล้ว”

“อ้าว คุณนี่ ระวังนะคะ แฟนคุณได้ยินเข้าจะเสียใจ ผู้หญิงทุกคนไม่มีใครอยากให้แฟนหลง ลืมตัวเองหรอกค่ะ”

“รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่าล่ะ คุณแวว”

“แน่นอนค่ะ ถึงฉันจะไม่ขี้หึงขี้วีนอย่างวายร้าย แต่ฉันก็เสียใจเป็นนี่คะ”

ถึงตอนนี้เขาพยักหน้ารับรู้เข้าใจ ขณะที่หญิงสาวเก็บลิปสติกเข้าที่เดิม หากคราวนี้ ราวกับกลิ่นน้ำหอมจากผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นจะโชยตามออกมาด้วย

“คุณ เอ้อ ใช่น้ำหอมกลิ่นเหมือนของแฟนผมเลยนะ”

“น้ำหอม !”

แววเดือนทวนคำ เลิกคิ้วสูงเพราะเธอเป็นคนไม่ติดน้ำหอมอะไรนั่นเลยสักนิด

“ไม่นี่คะ ฉันไม่ได้ใส่น้ำหอมมาซะหน่อย นั่นแน่ะ กลิ่นมาจากเสื้อผ้าของคุณรึเปล่า หรือไม่ คุณก็คงคิดถึงเธอจนได้กลิ่นน้ำหอมนั่น”

“ไม่นะ ผมได้กลิ่นมันจริงๆ แต่ช่างเถอะ กลิ่นมันจางๆ ไปแล้วล่ะ”

เขาตัดบทกับเธออย่างนั้น หลังจากเธอปิดกระเป๋าสะพายเรียบร้อยในเวลาต่อมานั่นให้ต่างคนต่างคิดกันไปคนละทิศละทาง !

“ถึงที่ทำงานโดยสวัสดิภาพ เชิญคุณก่อนเลยก็ได้นะแวว ผมขอจอดรถให้เรียบร้อยก่อน”

 “โอ.เค.ค่ะบอส  ขอบคุณมากนะคะ”

หญิงสาวกล่าวขอบคุณ ขณะที่ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง

“นี่คุณจะขอบคุณผมทำไม ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณอาหารอร่อยๆ มื้อเที่ยงที่บ้านคุณนั่น ขอบคุณนะ”

“เอ้อ ค่ะ งั้น เดี๋ยวค่อยเจอกันนะคะบอส ฉันไปสอนเด็กๆ ก่อน”

“ตามสบายครับ”

หญิงสาวค้อมศีรษะขอบคุณเขาแทนคำพูด ก่อนออกวิ่งเข้าออฟฟิศไปก่อนจนเกือบชนโครมเข้ากับเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่กำลังก้มหน้าก้มตากดไอแพดในมือเล่นอย่างเพลิดเพลินนั่น

“โอ๊ะ ขอโทษค่ะน้อง”

แค่เกือบชนก็จริง แต่ตามมารยาทมันน่าจะเกิดจากความรีบร้อนของเธอนั่นล่ะ และนั่นเองที่ทำให้หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษออกมาอย่างรวดเร็ว “

“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่พี่มาติดต่ออะไรหรือเปล่าคะ พอดี พี่นนท์ไม่อยู่น่ะค่ะ”

“อ้อ เปล่าค่ะ พี่เป็นติวเตอร์ที่นี่น่ะค่ะ”

“ติวเตอร์ที่นี่ นึกออกล่ะ ที่พี่นนท์เล่าให้ฟังนั่นเอง พี่น่ารักกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะคะ แล้วนี่…พี่จะรีบไปไหนเหรอ”

“คือพี่มีสอนตอนบ่ายน่ะค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ เอาไว้พบกันใหม่นะคะ”

พูดจบหญิงสาวก็แทบจะรีบวิ่งเข้าไปเอาเอกสารการสอนจากห้องทำงาน โดยมีสายตาของเด็กสาวที่เฝ้ามองตามและอดอมยิ้มไม่ได้

หน้าตาน่ารักซะขนาดนี้ แถมมารยาทยังดีกว่าพวกขี้วีนอย่างแฟนสาวของพี่ชายเป็นไหนๆ  สงสัยงานนี้ ได้มีรายการรักพลิกล็อกกันบ้างแล้วล่ะ !

เนยบอกกับตัวเอง ขณะที่เพียงหันกลับมาก็พบว่าพี่ชายกำลังวิ่งเข้ามาในออฟฟิศไม่ต่างไปจากติวเตอร์สาวนั่นสักนิด

“เอ้า พี่นนท์ ที่นี่เขาซ้อมวิ่งมาราธอนกันอยู่รึเปล่าคะ เนยเห็นมีแต่คนวิ่งเข้าวิ่งออก จนมึนไปหมด แล้ว แล้วนี่…พี่นนท์จะรีบไปไหนคะ”

“ก็รีบมาทำงานน่ะสิ ถามได้ ปกติพีไม่ค่อยออกไปทานข้าวนอกออฟฟิศน่ะ แต่วันนี้เซ็งๆ”

“เซ็งอะไรอีกล่ะ หรือว่า โดนพี่ฝ้ายวีนเข้าให้แล้วกับติวเตอร์คนสวยคนใหม่”

“แค่เกือบถูก แต่ไม่ถูกทั้งหมด”

ชายหนุ่มก้าวไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานด้านหน้าห้องของตัวเอง ขณะที่น้องสาวก้าวตามมานั่งลงบ้าง

“พี่เบื่อที่ฝ้ายเขาชอบเที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่คิดจะทำอะไรน่ะ”

“เอ้า ก็คนเค้ารวยช่วยไม่ได้นี่คะ ออกจะไฮโซ รูปสวยรวยทรัพย์ซะขนาดนั้น”

“รวยก็หมดได้ สวยก็แก่เป็นเหมือนกันนะยายเนย แล้วยิ่งกินแต่เหล้า เที่ยวกลางคืนแบบนี้บ่อยๆ เหี่ยวเร็ว”

ประโยคท้ายเบาจนเกือบจะเป็นกระซิบทีเดียว

 “เอ้า แล้วเวลาเจอกัน พี่นนท์ไม่เตือนพี่ฝ้ายไปบ้างละคะ”

“คงจะฟังหรอก พ่อแม่เค้า เค้ายังไม่ฟังเลย พี่ก็แค่แฟน แถมยังเป็นแฟนที่จะโดนเขี่ยทิ้งเมื่อไหร่ไม่รู้”

“ต๊าย ดูพูดเข้า พี่ฝ้ายเขาคงไม่เขี่ยพี่นนท์ทิ้งง่ายๆ หรอกค่ะ ออกจะหึงหวงยังกะจงอางหวงไข่ คงนึกว่าพี่นนท์เป็นของตายของเค้าละมั้ง”

 “ไม่เอาล่ะ ของตงของตายอะไรกัน แล้วนี่…เรามานานรึยัง มีอะไรด่วนรึเปล่าถึงมาหาพี่ที่นี่ได้”

“เกือบลืมทีเดียว พอดีเนยจะออกมาทำธุระแถวๆ นี้น่ะค่ะ แม่ทำกะท้อนลอยแก้วของโปรดพี่นนท์ ก็เลยฝากให้เอามาเดลิเวอรี่ให้ด้วยน่ะ”

“กะท้อนลอยแก้ว โอย เห็นทีจะไม่ไหวแล้วล่ะยัยเนย วันนี้พี่ไปทานกลางวันมาแบบว่า จัดหนักจัดเต็ม ทั้งของคาวของหวาน ยังแน่นๆ อยู่เลย”

“ถ้างั้นให้เนยเอากลับบ้านมั้ย”

“ได้ไงล่ะ เดี๋ยวแม่ก็ได้บ่นน้อยอกน้อยใจอีก วางไว้นี่ล่ะ เดี๋ยวพี่ไปแช่ตู้เย็นไว้กินได้”

“งกได้อีกนะ ว่าแต่ ไปทานข้าวกลางวันที่ไหนมาเหรอคะ ถึงได้จัดหนักจัดเต็มขนาดนั้น”

“ก็…ที่บ้าน เอ้อ…แถวๆ นี้แหละ”

หลุดปากออกไปได้นิดเดียว เริ่มหวั่นๆ กับสายตาจับผิดของน้อง เลยอ้อมๆ แอ้มๆ ออกไปอย่างนั้น หากดูเหมือนน้องสาวเขาจะไม่จบง่ายๆ  สักนิด

“แน่ะ ไปกินข้าวบ้านใครเขามา อย่าบอกนะว่า คุณติวเตอร์สาวสวยนั่น”

“ก็…เขาอยากเลี้ยงขอบคุณ”

 “เขาอยากเลี้ยงขอบคุณ หรือพี่อยากเลี้ยงแสดงความยินดี แต่ทุกอย่างไปจบลงที่บ้านแน่คะ ระหวังเหอะพี่นนท์ พี่ฝ้ายรู้เข้าจะมาแหกอกเอา”

“ก็แล้วพี่ฝ้ายเขาจะรู้ได้ไงถ้าเราไม่บอกซะอย่าง” “เอ แล้วเนยจะบอกพี่ฝ้ายดีหรือไม่ดีนะ”

“ยายเนย อย่าแม้แต่จะคิดนะ”

“อ๊ะๆ ไม่คิดก็ได้ ถ้าอย่างนั้น น้องขอเบิกค่าน้ำมันรถเต็มถังในการเดลิเวอรี่กระท้อนลอยแก้ว แล้วก็…ค่ารูดซิปปาก เอาไปเปลี่ยนเคสไอแพดหน่อยสิคะ มันเก่ามากแล้วน่ะพี่นนท์”

“ยายเนย มันจะมากไปแล้วนะ”

“ไม่เห็นจะมากไปซะหน่อย แต่ก็ ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่นนท์ไม่ให้ เย็นนี้ เนยไปเที่ยวกับพี่ฝ้ายดีกว่า”

“เดี๋ยวก่อน เอาไปเลย แล้วเงียบไปเลยนะ”

“แน่นอนค่ะ เงียบสนิทมาก ขอบคุณนะคะพี่ชาย เนยไปละ จะรีบไปช็อปปิ้งน่ะ”

เด็กสาวยกธนบัตรหลายใบที่พี่ชายยื่นให้มาแตะปลายจมูกเหมือนแกล้ง ก่อนก้าวเดินออกไปจากออฟฟิศให้ชานนท์ได้แต่มองตามแล้วส่ายหน้า ไอ้น้องสาวเจ้าเล่ห์เอ๊ย !
ตอน ที่่ 1 ตอน ที่่ 2ตอน ที่่ 3
ตอน ที่่ 4(โปรดติดตามตอนต่อไป)